บทนำ
หากพูดถึงเรื่องการลงทุน อันดับแรกๆที่เรานึกออกหรือคุ้นเคยกันก็คงจะหนีไม่พ้นการลงทุนในหุ้น
สำหรับคนที่อยากลงทุนอย่างมั่นคงและได้รับผลตอบแทนดีในระยะยาว หุ้นบลูชิพ (Blue Chip Stocks) คือตัวเลือกที่น่าสนใจ หุ้นบลูชิพเป็นหุ้นของบริษัทใหญ่ มีชื่อเสียง และมั่นคงทางการเงิน พวกเขาเป็นเหมือนเสาหลักของตลาดหุ้น ไม่ว่าเศรษฐกิจจะผันผวนแค่ไหน บริษัทเหล่านี้ก็ยังยืนหยัดและเติบโตต่อไปได้
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจโลกของการลงทุนในหุ้นบลูชิพ ซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ไขไปสู่ความมั่งคั่งที่มั่นคงและยั่งยืน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือเก๋า หุ้นบลูชิพก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับหุ้น Blue Chip กันให้มากขึ้นครับ
ลักษณะของหุ้น Blue Chip
ในตลาดมีหุ้นอยู่มากมายหลายพันตัว เพื่อนอาจจะเคยมีโอกาสได้เห็นหรือได้ยินคำว่าหุ้น Blue Chip มาแล้วบ้าง แล้วหุ้น Blue Chip คืออะไรล่ะ? หุ้น Blue Chip คือหุ้นที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) สูงเป็นอันดับต้นๆของตลาด เรียกได้ว่าเป็นตัวชูโรงของตลาดก็ว่าได้ ซึ่งในตลาดก็จะประกอบไปด้วย หุ้น Blue Chip อยู่หลายตัว ซึ่งเราจะสังเกตได้จากการขึ้นลงของดัชนีภาพรวมของตลาด หุ้น Blue Chip โดยส่วนมากจะเคลื่อนที่สอดคล้องกับดัชนีภาพรวมของตลาด นอกจากนี้หุ้น Blue Chip ยังมีลักษณะโดดเด่นจากหุ้นประเภทอื่นอีก
- ความน่าเชื่อถือ เนื่องจากหุ้น Blue Chip เป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูง เป็นบริษัทใหญ่ที่มีการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน และมีความน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุน
- สภาพคล่องสูง หุ้น Blue Chip เป็นหุ้นที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนและมีการซื้อขายกันออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีสภาพคล่องที่สูง
- การจ่ายเงินปันผล โดยส่วนมากหุ้น Blue Chip จะมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในสภาวะไหน สะท้อนให้เห็นถึงความแกร่งของพื้นฐานบริษัท
- ระยะเวลาการลงทุน โดยส่วนมากการลงทุนในหุ้น Blue Chip ต้องใช้ระยะเวลานานมากกว่า 7 ปี เนื่องจากหุ้นประเภทนี้จะมีการเติบโตอย่างช้าๆแต่มั่นคง
ตัวอย่างหุ้น Blue Chip ในไทย
บริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (DELTA)
มูลค่าตลาด 1.3 ล้านล้านบาท
ลักษณะธุรกิจ : ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ ซัพพลาย และอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ อื่นๆ
บริษัท ปตท (PTT)
มูลค่าตลาด 9.4 แสนล้านบาท
ลักษณะธุรกิจ : ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมีอย่างครบวงจรในฐานะเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติ
บริษัท การท่าอากาศยานไทย (AOT)
มูลค่าตลาด 8.6 แสนล้านบาท
ลักษณะธุรกิจ : ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทย โดยธุรกิจหลักประกอบด้วย การจัดการ การดำเนินงาน และการพัฒนาท่าอากาศยาน
ตัวอย่างหุ้น Blue Chip ในต่างประเทศ
บริษัท แอปเปิล (AAPL)
มูลค่าตลาด 110 ล้านล้านบาท
ลักษณะธุรกิจ : ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก เช่น iPhone, iPad
บริษัท ไมโครซอฟท์ (MSFT)
มูลค่าตลาด 100 ล้านล้านบาท
ลักษณะธุรกิจ : เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก
เมื่อเอาหุ้น Blue Chip ทั้ง 5 ตัวนี้ มามองกลับย้อนไปตั้งแต่ปี 1996 จากกราฟจะเห็นว่า AAPL (Apple) ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด โดยมีการเติบโตมากกว่า 50,000% ในช่วงเวลานับตั้งแต่ปี1996
รองลงมาคือ Delta, Microsoft, AOT, และ PTT ก็มีการเติบโตที่ดี แม้จะห่างจาก AAPL อยู่มากก็ตาม
สิ่งที่น่าสนใจคือ หุ้น Blue Chip ระดับโลกเหล่านี้ มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าหุ้น Blue Chip ไทย หลายเท่าตัว เนื่องจาก
- ขนาดตลาดที่ใหญ่กว่า: บริษัทระดับโลกมีฐานลูกค้าและตลาดที่กว้างขวางกว่ามาก ทำให้มีศักยภาพในการเติบโตสูงกว่า
- นวัตกรรมและเทคโนโลยี: บริษัทเหล่านี้มักเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว
- ความสามารถในการแข่งขัน: บริษัทเหล่านี้มีศักยภาพในการแข่งขันสูงในตลาดโลก ทำให้สามารถรักษาและขยายส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
ข้อดี/ข้อเสีย ของการลงทุนในหุ้น Blue Chip
ข้อดีของการลงทุนในหุ้น Blue Chip
- การจ่ายเงินปันผล การลงทุนในหุ้น Blue Chip เป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง ถือได้ว่าเป็นรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว
- ความมั่นคง หุ้น Blue Chip คือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน มีผลประกอบการที่ดี และได้รับความเชื่อใจจากนักลงทุนมากมาย จึงถือได้ว่าเป็นหุ้นที่มีความั่นคงสูง
- ศักยภาพระยะยาว หุ้น Blue Chip มีประวัติความสำเร็จและความมั่นคงมายาวนาน และนักลงทุนจำนวนมากมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาวที่เชื่อถือ พวกเขาสามารถได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจน่าดึงดูดเป็นพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น
ข้อเสียของการลงทุนในหุ้น Blue Chip
- ความผันผวนต่ำ หุ้น Blue Chip เป็นหุ้นที่มีการเติบโตอย่างมั่นคง และผันผวนน้อยจึงอาจจะไม่เหมาะกับนักลงทุนระยะสั้นที่ต้องการเก็งกำไรจากความผันผวนของตลาด
- ใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง หุ้น Blue Chip เป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมาก ทำให้มีราคาต่อหุ้นที่สูง เช่น หุ้น Microsoft ราคาต่อหุ้นสูงถึง 401.70 USD ต่อ หุ้น
เคล็ดลับในการลงทุนหุ้น Blue Chip
กลยุทธ์ในการลงทุนที่เหมาสมกับหุ้นประเภทนี้ คือ การ ทำ Dollar Cost Average (DCA) การทำ DCA เป็นการทยอยลงทุนเป็นงวดๆด้วยจำนวนเงินเท่าๆกัน โดยไม่สนใจว่า ณ เวลานั้นราคาของหุ้นจะเป็นเท่าไหร่ หรือว่าสภาวะตลาดจะเป็นเช่นไร กลยุทธ์นี้จะทำให้เรามีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในราคาทุนที่ต่างกันไป เพื่อคาดหวังผลตอบแทนระยะยาว ซึ่งเหมาะสมกับการลงทุนในหุ้น Blue Chip เนื่องจากเป็นหุ้นที่ให้ปันผลต่อเนื่องและต้องใช้ระยะเวลาในการลงทุนที่ค่อนข้างนานจึงจะเห็นผล
สรุป
การลงทุนในหุ้นไม่ว่าจะเป็นหุ้นที่เด่นดังหรือหุ้นธรรมดาทั่วไปล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยง ดังนั้นเราจึงควรเลือกลงทุนในหุ้นที่คิดว่าตอบโจทย์และเหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของเรามากที่สุด หุ้น Blue Chip ถึงแม้ว่าจะเป็นหุ้นที่พื้นฐานดีแต่ ระยะเวลาในการลงทุนนั้นค่อนค้างนาน หากท่านเป็นนักลงทุนพื้นฐานที่สามารถรอการเติบโตของหุ้นได้ การลงทุนในหุ้น Blue Chip ถือว่าเหมาะสม เนื่องจากหุ้นประเภทนี้จ่ายปันผลสม่ำเสมอและมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องที่สูง และทนต่อความผันผวนของเศรษฐกิจได้ดี